
เคล็ดลับฉบับโปร! วิธีทำความสะอาดกระเป๋าหนังให้เหมือนใหม่ ไม่ต้องง้อสปา
อยากรู้สุดยอดวิธีทำความสะอาดกระเป๋าหนังให้สวยนานเหมือนวันแรกที่ซื้อไหม? บทความนี้มีคำตอบครบ! ตั้งแต่คำถามที่ว่ากระเป๋าหนังใช้อะไรเช็ด ถึงสิ่งของต้องห้ามที่อาจทำลายกระเป๋าคุณ!
เคยไหม? สะพายกระเป๋าหนังสีอ่อนใบโปรดอย่างมีความสุข แต่พอกลับถึงบ้านกลับต้องใจสลายเมื่อเจอรอยสีน้ำเงินจากกางเกงยีนส์ติดอยู่ ปัญหา กระเป๋าหนังดูดสี หรือ Color Transfer คือฝันร้ายที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คิด การทำความเข้าใจต้นตอของปัญหาคือปราการด่านแรกที่ดีที่สุด
สาเหตุอันดับหนึ่งคือการเสียดสีโดยตรงกับเสื้อผ้าสีเข้ม โดยเฉพาะกางเกงยีนส์ ผ้าเดนิม หรือเสื้อผ้าที่เพิ่งย้อมสีมาใหม่ๆ ขณะที่เราเดินหรือนั่ง กระเป๋าจะเสียดสีกับเสื้อผ้า ทำให้เม็ดสีค่อยๆ ถูกปลดปล่อยและซึมลึกลงสู่พื้นผิวของหนัง
เหงื่อจากร่างกายหรือความชื้นในอากาศทำหน้าที่เหมือนตัวทำละลาย มันจะไปละลายสีย้อมบนเสื้อผ้า (แม้จะเป็นตัวที่ซักแล้วสีไม่ตก) และนำพาสีเหล่านั้นแทรกซึมเข้าไปในรูพรุนตามธรรมชาติของหนังแท้ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
หนังบางชนิด เช่น หนังที่ไม่เคลือบผิว (Uncoated Leather) หรือ หนังฟอกฝาด (Vegetable-Tanned) จะมีรูพรุนที่เปิดกว้าง ทำให้ไวต่อการดูดซับสีและของเหลวมากกว่าหนังเทียม (PU/PVC) หรือหนังที่ผ่านการเคลือบผิว (Finished Leather) ที่มีชั้นป้องกันอยู่
เมื่อเจอปัญหา กระเป๋าหนังดูดสี สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องลงมือให้เร็วที่สุด ยิ่งคราบยังใหม่อยู่ โอกาสกู้กระเป๋าใบโปรดกลับมาก็ยิ่งสูงขึ้น นี่คือ วิธีแก้กระเป๋าหนังดูดสี ที่คุณสามารถทำได้
สำหรับคราบสีจางๆ หรือคราบที่เพิ่งเกิดขึ้น การแก้ไขอย่างรวดเร็วคือหัวใจสำคัญ
หากเป็นคราบสีเข้มจากยีนส์ที่ฝังแน่น หรือปล่อยทิ้งไว้นานจนสีซึมเข้าเนื้อหนัง การแก้ไขด้วยตัวเองมีความเสี่ยงสูงมาก
การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ! ลงทุนดูแลกระเป๋าหนังเล็กๆ น้อยๆ ในวันนี้ ดีกว่าเสียใจและเสียเงินซ่อมในวันหน้า
ก่อนใช้กระเป๋าหนังใบใหม่ โดยเฉพาะสีอ่อน ควรฉีดสเปรย์กันน้ำหรือป้องกันคราบ (Water/Stain Repellent) สำหรับเครื่องหนังโดยเฉพาะให้ทั่ว สเปรย์จะสร้างฟิล์มบางๆ เคลือบผิวหนังไว้ ทำให้สีและของเหลวซึมเข้าได้ยากขึ้น (ควรฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน)
พยายามเลี่ยงการใช้กระเป๋าหนังสีอ่อนในวันที่ใส่กางเกงยีนส์สีเข้มตัวใหม่ที่ยังไม่เคยซัก หากเลี่ยงไม่ได้ ให้ระวังอย่าให้กระเป๋าเสียดสีกับเสื้อผ้าโดยตรง และเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษในวันที่อากาศร้อนชื้น
เมื่อไม่ได้ใช้งาน ควรเก็บกระเป๋าไว้ในถุงผ้า (Dust Bag) ที่มาพร้อมกับกระเป๋าเสมอ เพื่อป้องกันฝุ่นและการเสียดสีกับสิ่งของอื่น อย่าวางกระเป๋าซ้อนทับกัน โดยเฉพาะการวางชิดกับกระเป๋าสีเข้มใบอื่น เพราะสีอาจถ่ายเทหากันได้หากเก็บในที่ร้อนหรืออับ
ปัญหา กระเป๋าหนังดูดสี แม้จะเป็นเรื่องน่าปวดหัว แต่ก็สามารถจัดการได้หากรู้วิธีที่ถูกต้อง เริ่มจากการป้องกันด้วยการใช้สเปรย์เคลือบและใช้งานอย่างระมัดระวัง หากเกิดคราบขึ้นให้รีบใช้ วิธีแก้กระเป๋าหนังดูดสี ที่เหมาะสมกับความรุนแรงของคราบ สำหรับคราบหนัก การส่งให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลคือทางเลือกที่ฉลาดที่สุด การดูแลเอาใจใส่จะช่วยให้กระเป๋าหนังใบโปรดอยู่กับเราไปได้อีกนานแสนนาน
ไม่แนะนำอย่างยิ่งค่ะ สเตคลีนเป็นน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์ค่อนข้างแรงและไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเครื่องหนังโดยตรง การใช้สเตคลีนอาจทำให้สารเคลือบผิวของหนังเสียหาย สีของกระเป๋าอาจด่างหรือซีดจางถาวร ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับเครื่องหนัง (Leather Cleaner) โดยเฉพาะจะปลอดภัยกว่ามาก
ช่วยได้จริงในระดับหนึ่งค่ะ สเปรย์กันน้ำหรือป้องกันคราบ (Water/Stain Repellent) จะสร้างชั้นฟิล์มบางๆ บนผิวหนัง ทำให้ของเหลวและสีซึมผ่านได้ยากขึ้น เป็นการป้องกันที่ดีเยี่ยมก่อนการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ชั้นเคลือบนี้จะค่อยๆ เสื่อมสภาพไป ควรฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน และยังต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งานร่วมด้วย
ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ หนังกลับ (Suede) และหนังนูบัค (Nubuck) มีพื้นผิวที่เป็นขนและบอบบางกว่าหนังเรียบมาก ห้ามใช้น้ำยาที่เป็นของเหลวหรือครีมเช็ดโดยตรง ต้องใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับหนังกลับโดยเฉพาะ เช่น ยางลบสำหรับหนังกลับ (Suede Eraser) และแปรงขนอ่อนในการทำความสะอาดเท่านั้น หากไม่แน่ใจควรส่งร้านสปากระเป๋าทันที
คราบยีนส์บนกระเป๋าหนังสีขาวเป็นกรณีที่จัดการได้ยากที่สุด หากเพิ่งเกิดคราบ ให้รีบใช้ Leather Cleaner สำหรับหนังสีอ่อนเช็ดออกทันที แต่ถ้าคราบเริ่มฝังลึกแล้ว การขัดถูเองอาจทำให้สีกระจายและแย่ลง ทางที่ดีที่สุดคือหยุดแล้วนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสปากระเป๋าประเมินและแก้ไขโดยเร็วที่สุดค่ะ